
นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) เปิดเผยว่าตามที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายที่จะกำหนดคุณสมบัติสำหรับผู้ที่จะเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษาและผู้บริหารสถานศึกษาว่าจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้คือ 1. จะต้องมีเงินเดือนเหลือติดบัญชีอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของเงินเดือนเต็ม เพราะถือว่าเป็นการสร้างวินัยทางการเงินให้กับบรรดาผู้บริหารการศึกษาและผู้บริหารสถานศึกษา 2. จะต้องมีความรู้ด้านดิจิตอลและภาษาอังกฤษเพราะประเทศไทยก้าวสู่โลกศัตวรรษที่ 21 แล้วแต่ครูหรือผู้บริหารยังไม่มีการเรียนรู้ด้านภาษาและเทคโนโลยีก็คงไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการบางท่านเห็นว่าบางคนมีหนี้สินติดลบ เมื่อมาเป็นผู้บริหารก็มาทำการทุจริตทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดี นั้น นายรัชชัยย์ฯเห็นว่าความเห็นของ รมว.ศธ. ในเรื่องเกี่ยวกับเงินเดือนที่มีเหลือในบัญชีและการคัดคนที่มีความรู้ด้านภาษาอังกฤษ และมีความรู้ด้านดิจิตอล นั้น ถือว่าเป็นความมุ่งมั่นและความตั้งใจที่ดีของ รมว.ศธ. ในการที่จะให้มีการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้เท่าทันกับยุคสมัยปัจจุบันและอนาคต อย่างไรก็ตามประเด็นการกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารในเรื่องเงินเดือนคงเหลือในบัญชี นั้นเห็นว่าการกำหนดคุณสมบัติเช่นนี้สุ่มเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาว่าเป็นเกณฑ์ที่ขัดต่อมาตรา 27 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ในเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่บัญญัติไว้เป็นสาระสำคัญว่าการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา สถานะของบุคคลทางเศรษฐกิจหรือสังคม จะกระทำมิได้ นายรัชชัยย์ฯยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่าที่ผ่านมายังไม่เคยปรากฏข้อมูลหรืองานวิจัยใดที่ระบุว่าส่วนใหญ่ของผู้บริหารที่มีเงินเหลือในบัญชีน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของเงินเดือนเต็มจะมีพฤติกรรมทุจริตหรือมีพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบต่อการบริหารโรงเรียน ข้าราชการครูหลายคนที่มีภาวะผู้นำ Read More …